วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า”รัก”(ไอ้ดื้อ) ตอน2

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า”รัก”(ไอ้ดื้อ) ตอน2
ผมได้ลูกนก 2 ตัว ไอ้ดื้อเป็นตัวผู้และน้อง เป็นตัวเมีย มาที่บ้านเกิด จังหวัดแพร่ อำเภอลอง เมื่อไปเยี่ยมพ่อปลายเดือนเมษายน ปี2553 มันเป็นลูกนกพันธ์หัวจุก ผมทราบว่าเป็นสัตว์สงวนที่ผิดกฏหมายหากมีการครอบครอง แต่ว่าตามบ้านเรือน เค้าก็มีกันไม่เห็นมีการลงโทษใดๆ บวกด้วยมีคนไปเอามันลงมาจากลังแล้ว มีกลิ่นเหงื่อของมนุษย์แล้วแม่จะยอมรับมันไหม? ผมเกรงว่าแม่มันจะไม่คิดว่ามันเป็ยลูกอีก และแม่มันจะจิกมันทั้สองจนตาย เลยตัดสินใจเอาเข้ากรุงเทพฯ มาด้วย
ผมกลับกรุงเทพฯโดยรถไฟ ผมเอาลูกนกทั้งสองใส่กระติ๊ปข้าวเหนียว เล็กๆไว้ แต่มันร้องตลอดเวลาเพราะว่าลูกนกมันจะกินอาหารจากปากแม่นกตลอดเวลา นอกจากมันหลับผมต้องคอยเปิดกระติ๊ปเป็นระยะๆเผื่อให้อาหารมัน
และสิ่งที่ผมกลัวก็เกิดขึ้นจริงๆด้วย เมื่อผมเห็นตำรวจรถไฟมาตรวจความเรียบร้อย และตรวจสิ่งผิดกฏหมายในการเดินทางตามปกติ แต่ครั้งนี้การเดินทางเข้ากรุงเทพฯของผมมันไม่ปกติซิครับ เพราะว่าผมทราบดีอยู่กับใจว่าลูกนกที่ผมนำมาด้วยนั้นมันผิดกฏหมาย และเป็นช่วงเวลาเหมาะกับที่รถไฟจอดรอเปลี่ยนลางพอดี จึงได้ยินเสียงลูกนกร้องอย่างชัดเจนมากขึ้นผมได้แต่ภาวนาในใจว่าให้ตำรวจ อย่าเดินมาทงที่ผมนั่งเลย หรือ ถ้าเดินมาก็จงอย่าได้ยินเสียงลูกนกร้องด้วยเถิด! แต่ตำรวจก็เดินมา คำภาวนาของผมไม่ได้ผล และตำรวจถามว่านั้นเสียงอะไรหน่ะ ตำรวจได้ยินเสียงลูกนกอีกใจผมเต้นแรงขึ้นจนแทบจะออกจากหน้าอกเลยทีเดียว ผมคิดว่าจะต้องได้รับโทษแน่แล้ว พระเจ้า! ขณะนั้นทุกคนเงียบหมดเลยไม่ได้พูดใดๆ ตำรวจจึงเอื่อมมือหยิบกระติ๊ปข้าวเหนียวและเปิดมันขึ้น ทันใดนั้นตำรวจต้องรีบปิดเพราะว่าลูกนกทำท่าจะบินออก สีหน้าตำรวจตื่นตกใจพอสมควร ผมอดที่จะไม่ยิ้มไม่ได้ ตำรวจรีบถามทันทีว่า”ของใครครับ?” ไม่มีใครตอบ และด้วยโชค หรือ บุญช่วยผม ข้างๆผมพระสงฆ์หนุ่มรูปหนึ่งเงยหน้ามองตำรวจและยิ้ม ตำรวจพูดว่า”ไม่น่าพลากมันมาจากแม่มันเลย!” และวางกระติ๊ปลงที่เดิม ผมรู้สึกเหมือนถูกยกภูเขาออกจากอก มันโล่งแบบเบาหวิว และผมก็ยิ้มได้ในที่สุดถึงสถานีหัวลำโพงเมื่อตอนตีสองในเวลาอีกวัน ในที่สุด ผมได้พาลูกนกทั้งสอง กลับมากรุงเทพฯ จนได้ โดยสวัสดิภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น