

ประวัติพระคณาจารย์ พระเครื่อง หลวงพ่อหีตอริยสงฆ์แห่ง เมืองนคร หลวงพ่อหีต พระเถระอาจารย์ผู้ทรงกิตติคุณลือชารูปนี้มีรูปร่าง “ผอมสูง” ผิวดำแดงกร้านแกร่งแฝงไว้ด้วยความทรหดอดทน มือเท้าใหญ่โตที่แสดงถึงการออกธุดงค์รอนแรมตามป่าเขาลำเนาไพรมาหนักโดย สังเกตได้ที่ “ตาตุ่ม” ข้อเท้าทั้งสองของท่านด้านหนาอันเป็นสิ่งที่บ่งบอกให้ทราบว่าท่าน “นั่งสมาธิ” มานานมากแล้วสายตาของท่านแข็งกล้ามีขอบสีฟ้ารอบตาดำเป็นประกายแวววาว ตบะเดชะเข้มข้นใครสบตากับท่านเมื่อคราวออกจากญาณสมาบัติเป็นต้องผงะซึ่งแสดง ถึง “ภาวนาสมาธิ” จากอำนาจบารมีญาณของท่านสูงส่งมีอำนาจในตัวเอง การเจรจาแฝงไว้ด้วยเมตตาเป็นที่ตั้ง ศีลาจารวัตรสังเกตดูบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะไม่มีสมบัติมากมายมีเพียง “เสื่อเก่า ๆ และหมอนไม้แข็ง” เป็นที่พำนักหลับนอนเท่านั้นซึ่งท่านบอกว่า “ความสบายกายทำให้เกิดทุกข์ เกิดกิเลส เกิดตัณหา มีอุปาทาน ไม่สามารถหลุดพ้นจากสภาวจิต เข้าสู่สภาวธรรมได้”
ประวัติพ่อท่านหีต วัดคีรีรัตนาราม (เผียน)“พ่อท่านหีต วัดคีรีรัตนาราม (วัดเผียน)” พระอธิการหีต ปภงฺกโร ท่านนั้นเกิดในตระกูลชาวนาที่ ต.ถ้ำทอง อ.ทับปุด จ.พังงา ในตระกูลสกุล “บุญมา” เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2459 บิดาชื่อ “นายนอง” มารดาชื่อ “นางเหลื่อม” ท่านเป็นบุตรชายคนเดียว จึงเป็นกำลังหลักของตระกูลชาวนาที่ต้องช่วยพ่อ-แม่ทำนาจนอายุได้ ๑๙ ปี จึงไปอยู่ที่ “วัดโคกลอย” โดยบิดาพาไปฝากเป็นศิษย์ของ “พ่อท่านรักษ์ วัดโคกลอย” แล้วให้บวชเป็นสามเณรโดย “พระครูภาณีศรีระวัฒน์” แล้วจำพรรษาศึกษาธรรมและอักขระเลขยันต์ทางไสยศาสตร์ ตลอดจนวิปัสสนาธุระกับ “พ่อท่านรักษ์” ได้ 2 พรรษา จึงมีอายุ 21 ครบอุปสมบทตามประเพณี จึงทำการอุปสมบทเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2479 ณ อุโบสถวัดชนาธิการาม (สำนักปรุ) ต.นพปริง อ.เมือง จ.พังงา โดยมี “พระปฏิภาณพังงารัฏธ์” เจ้าคณะจังหวัดพังงา “วัดประภาสประจิมเขต” เป็นพระอุปัชฌาย์ “พระวินัยธรรักษ์” (รักษ์ สิริวัฒโน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้ฉายาว่า “ปภังกโร” หลังจากอุปสมบทแล้วได้กลับไปจำพรรษาที่วัดโคกลอยอีก 1 พรรษา จึงออกธุดงค์ไปจนถึงภูเก็ต ในปี พ.ศ. 2480 และเข้าจำพรรษาที่ “วัดโฆษิตวิหาร” เพื่อศึกษาธรรมะกับ “พระครูสีขะรัตนสมณคุณ วัดมงคลนิมิตร” ครั้นถึงปี พ.ศ. 2483 จึงย้ายไปจำพรรษาที่ “วัดพิชิตสังฆาราม” ต.สินไนย อ.เมือง จ.ภูเก็ต จนสามารถสอบนักธรรมเอกได้ในปี พ.ศ. 2486 เมื่อศึกษาธรรมะจนมีความรู้แจ้งแตกฉานดีแล้ว จึงออกธุดงค์เรื่อยไปเพื่อฝึกฝนการปฏิบัติตามขุนเขาลำเนาไพรระหว่างทางพบ “ถ้ำเขาแดง” สงบวังเวงเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมจึงเข้าพักปฏิบัติภาวนาอยู่นาน 12 ปี กระทั่งถึงปี พ.ศ. 2500 ชาวบ้านมาพบท่านเข้าเห็นมีศีลาจารวัตรน่าศรัทธาเลื่อมใส ปฏิบัติธรรมอยู่ในถ้ำอย่างวิเวก จึงร่วมกันนิมนต์ให้ท่านลงจากถ้ำมาอยู่ วัดเผียน ตรงบริเวณเชิงเขาแห่งนั้นแล้วช่วยกันจัดแจงปรับปรุง “วัดร้าง” ให้มีสภาพคืนมาสู่วัดไม่ร้างอีกครั้งตั้งแต่ พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา
หลังจาก “พ่อท่านหีต” ปักหลักตามคำนิมนต์ของชาวบ้านอยู่ที่ “วัดเผียน” ได้ไม่นานก็เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านทั่วไปกระทั่งวันหนึ่งมีผู้เดือด ร้อนเรื่อง “เงินทอง” ไม่มีทางแก้ไขจึงไปหาท่านเพื่อขอให้ท่านช่วยซึ่งพอท่านทราบ ก็ทำการพิจารณาเห็นว่าไม่มีทางอื่นใดจะช่วยได้เพราะโดยปกติแล้วมีผู้ไปขอ “เลขหวย” อยู่เสมอแต่ท่าน “ไม่เคยให้ใคร” กลับสอนว่าให้ขยันทำมาหากินก็จะเจริญรุ่งเรืองอย่าไปหวัง กับการเล่นการพนัน แต่วันนั้นท่านพิจารณาเห็นความจำเป็นหรือล่วงรู้กาลชะตาโชคของชายผู้นั้นก็ ไม่อาจทราบได้ จึงแนะให้ชายผู้นั้นไปแทงเลขตาม “เถ้าแก่หว่าซาน” (คุณวรศักดิ์ อดิเทพวรพันธ์) อ.ทุ่งสง แล้วจะได้เงินมาแก้ปัญหาซึ่งชายผู้นั้นก็ไม่เคยรู้จักกับเถ้าแก่หว่าซานมา ก่อนหรือแม้กระทั่ง “พ่อท่านหีต” เองก็ไม่รู้จักเถ้าแก่หว่าซานเช่นกันแต่ด้วยปัญหาการเงินที่เดือดร้อน จึงทำให้ชายผู้นั้นไปสืบเสาะหาจนพบแล้วตัดสินใจถาม “งวดนี้แทงเลขอะไร” เถ้าแก่หว่าซานไม่ทันตั้งตัวเพราะจู่ ๆ ก็มีคนไม่รู้จักมาถามจึงบอกเลขไปแบบไม่รู้ตัว ชายผู้นั้นจึงนำเลขนั้นไปซื้อตามที่ได้มาปรากฏว่า งวดนั้นเลขออกมาตรงพอดีจึงรวยกันไปทั้งผู้บอกและผู้ถาม

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น